ผู้ที่พุงปริ้น พุงย้วย ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย แน่นอนว่ามันบั่นทอนความมั่นอกมั่นใจในการสวมใส่เสื้อผ้าแฟชั่น ที่มักเปิดนิดโชว์หน่อย ฟิตรัดเพื่อโชว์สัดส่วน ไม่เพียงเท่านั้น ท่านรู้หรือไม่ว่าการมีพุงหรือมีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องมากๆนั้น ส่งผลเสียต่อร่างกายหลายประการ นำไปสู่โรคภัยไข้เจ็บ กลายเป็นคนขี้โรคได้ ดังนั้น คนที่มีพุงจึงไม่ควรนิ่งเฉย ปล่อยปละละเลยกับปัญหาสุขภาพนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องหาหนทางลดไขมันหน้าท้องให้จงได้ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอธิบายขยายความว่าทำไมถึงต้องลดไขมันหน้าท้องให้สำเร็จ เรามาดูไปพร้อมๆกัน
ความเสี่ยงจากการมีไขมันสะสม
หากใครที่สะสมไขมันไว้ในร่างกายมากๆ โดยเฉพาะไขมันที่เกาะในผนังลำไส้ กระเพาะอาหาร ซึ่งการมีพุงบริเวณหน้าท้องนั้น ถือเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งที่บ่งชี้ว่ากำลังตกอยู่ในภาวะไขมันสะสมจำนวนมาก ทำให้เกิดข้อบกพร่องและเป็นผลให้เกิดโรคต่างๆ ได้แก่
1.ถุงน้ำดี ทำให้นอนไม่หลับ อารมณ์ฉุนเฉียว นิ่วในไต สายตาเสื่อม ปวดเมื่อยตามร่างกาย
2.เลือดเลี้ยงสมองไม่พอ ทำให้มึนศีรษะ
3.ไตเสื่อม ทำให้ความจำลดลงและเป็นคนขี้หนาว
4.ม้ามชื้น ทำให้อาหารที่กินเข้าไปแปรสภาพเป็นไขมันเป็นผลทำให้อ้วนง่าย
5.ม้ามโต ทำให้เหนื่อยง่ายเพราะม้ามไปเบียดปอด
6.ถ้าไขมันเกาะลำไส้เล็กมากๆ จะทำให้ลำไส้เล็กไม่สามารถดูดซึมวิตามินซีได้ เป็นผลทำให้เป็นหวัดในตอนเช้าหรือหวัดเรื้อรัง กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เกิดโรคภูมิแพ้ ทำให้จามในตอนเช้า
7.ถ้าไขมันในตับสูง หรือเรียกว่า “Fatty Liner” การสร้างเม็ดเลือดจะลำบาก ซึ่งทำให้เกิดปัญหาในการทำงานของร่างกายตามมา เนื่องจากตับมีหน้าที่เกี่ยวกับการเผาผลาญพลังงาน ขับสารพิษ เมื่อตับมีปัญหาก็จะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ซึ่งหมายความว่าการเผาผลาญของร่างกายก็จะลดลงด้วย ทำให้เกิดการสะสมไขมันในร่างกายเพิ่มขึ้นได้อีกกว่าเท่าตัว
หากใครที่สะสมไขมันไว้ในร่างกายมากๆ โดยเฉพาะไขมันที่เกาะในผนังลำไส้ กระเพาะอาหาร ซึ่งการมีพุงบริเวณหน้าท้องนั้น ถือเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งที่บ่งชี้ว่ากำลังตกอยู่ในภาวะไขมันสะสมจำนวนมาก ทำให้เกิดข้อบกพร่องและเป็นผลให้เกิดโรคต่างๆ ได้แก่
1.ถุงน้ำดี ทำให้นอนไม่หลับ อารมณ์ฉุนเฉียว นิ่วในไต สายตาเสื่อม ปวดเมื่อยตามร่างกาย
2.เลือดเลี้ยงสมองไม่พอ ทำให้มึนศีรษะ
3.ไตเสื่อม ทำให้ความจำลดลงและเป็นคนขี้หนาว
4.ม้ามชื้น ทำให้อาหารที่กินเข้าไปแปรสภาพเป็นไขมันเป็นผลทำให้อ้วนง่าย
5.ม้ามโต ทำให้เหนื่อยง่ายเพราะม้ามไปเบียดปอด
6.ถ้าไขมันเกาะลำไส้เล็กมากๆ จะทำให้ลำไส้เล็กไม่สามารถดูดซึมวิตามินซีได้ เป็นผลทำให้เป็นหวัดในตอนเช้าหรือหวัดเรื้อรัง กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เกิดโรคภูมิแพ้ ทำให้จามในตอนเช้า
7.ถ้าไขมันในตับสูง หรือเรียกว่า “Fatty Liner” การสร้างเม็ดเลือดจะลำบาก ซึ่งทำให้เกิดปัญหาในการทำงานของร่างกายตามมา เนื่องจากตับมีหน้าที่เกี่ยวกับการเผาผลาญพลังงาน ขับสารพิษ เมื่อตับมีปัญหาก็จะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ซึ่งหมายความว่าการเผาผลาญของร่างกายก็จะลดลงด้วย ทำให้เกิดการสะสมไขมันในร่างกายเพิ่มขึ้นได้อีกกว่าเท่าตัว
ลดไขมันหน้าท้องด้วยการเลือกกิน
เพื่อเป็นการลดไขมันหน้าท้องให้หมดไป วิธีการหนึ่งที่ได้ผลดีเยี่ยมทั้งระยะสั้นและระยะยาว นั่นคือการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสม โดยให้รับประทานผักใบเขียวมากๆ ได้แก่ ผักคะน้า บล็อกโคลี ผักโขม กวางตุ้ง กะหล่ำปลี ชะอม ฯลฯ แม้จะเป็นการลดไขมันหน้าท้องแบบเบสิค แต่หลายคนกลับทำไม่ได้ เนื่องจากไม่ชอบรับประทานผัก แต่ถ้าอยากลดไขมันหน้าท้องให้ได้ผล ต่อให้ออกกำลังกายหนักหนาสาหัษสักเพียงใด ถ้าไม่เลิกรับประทานตามใจปาก การมีหน้าท้องที่แบนราบคงเป็นได้แค่ฝันกลางวัน
เพื่อเป็นการลดไขมันหน้าท้องให้หมดไป วิธีการหนึ่งที่ได้ผลดีเยี่ยมทั้งระยะสั้นและระยะยาว นั่นคือการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสม โดยให้รับประทานผักใบเขียวมากๆ ได้แก่ ผักคะน้า บล็อกโคลี ผักโขม กวางตุ้ง กะหล่ำปลี ชะอม ฯลฯ แม้จะเป็นการลดไขมันหน้าท้องแบบเบสิค แต่หลายคนกลับทำไม่ได้ เนื่องจากไม่ชอบรับประทานผัก แต่ถ้าอยากลดไขมันหน้าท้องให้ได้ผล ต่อให้ออกกำลังกายหนักหนาสาหัษสักเพียงใด ถ้าไม่เลิกรับประทานตามใจปาก การมีหน้าท้องที่แบนราบคงเป็นได้แค่ฝันกลางวัน
ฉะนั้น เลือกรับประทานผักใบเขียวให้ได้ทุกมื้ออาหารจะถือเป็นการดี พุงที่ยื่นออกมาจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด และควรลดปริมาณเนื้อสัตว์ลงบ้าง เพราะเป็นแหล่งสะสมของไขมัน ทั้งนี้ การเลือกรับประทานผักใบเขียว ถ้ายิ่งควบคู่ไปกับการออกกำลังกายเผาผลาญไขมัน เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน เป็นต้น จะทำให้การลดไขมันหน้าท้องของเราได้ผลเร็วยิ่งขึ้น
0 comments:
แสดงความคิดเห็น